4egyqRobxV

ใบที่ 3 ของนำโชค 

เทพ 7 เซียนญี่ปุ่น

เจ็ดเซียนญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันว่า เทพเจ้าแห่งโชคลาภเจ็ดองค์ (七福神, Shichifukujin) เป็นกลุ่มเทพเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นกราบไหว้เพื่อขอความโชคดี ความมั่งคั่ง และความสุขในชีวิต เทพเจ้าแต่ละองค์มีคุณสมบัติและความเชื่อที่แตกต่างกันไป ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ ศาสนาชินโต และลัทธิเต๋า นอกจากนี้ บางองค์ยังมาจากวัฒนธรรมจีนและอินเดีย นี่คือเจ็ดเซียนญี่ปุ่นหรือเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ:

  1. เอะบิซุ (Ebisu, 恵比須) – เทพเจ้าแห่งความเจริญรุ่งเรืองในการประมง การค้าขาย และเกษตรกรรม เป็นเทพเจ้าเพียงองค์เดียวในเจ็ดเทพที่มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นแท้ ๆ มักถูกวาดภาพในมือถือปลาและเบ็ดตกปลา
  2. ไดโกกุ (Daikokuten, 大黒天) – เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ความเจริญรุ่งเรือง และการเก็บเกี่ยว มักจะถูกวาดภาพนั่งอยู่บนกระสอบข้าวและถือค้อนทอง
  3. บิชามอนเท็น (Bishamonten, 毘沙門天) – เทพเจ้าแห่งสงครามและการคุ้มครอง ช่วยปกป้องผู้คนจากสิ่งชั่วร้าย และยังเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งและความยุติธรรม
  4. เบ็นไซเท็น (Benzaiten, 弁才天) – เทพีแห่งดนตรี ศิลปะ ความรู้ และความงาม มาจากความเชื่อในศาสนาฮินดูของอินเดีย และมักถูกวาดภาพขณะเล่นพิณ
  5. ฟุคุโระคุจู (Fukurokuju, 福禄寿) – เซียนแห่งความยืนยาว ปัญญา และโชคลาภ มีหัวที่ยาวผิดปกติและเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนยาวและสุขภาพดี
  6. จูโรจิน (Jurojin, 寿老人) – เซียนอีกองค์หนึ่งที่เป็นเทพแห่งความยืนยาวและสุขภาพดี มักจะถือไม้เท้าและม้วนกระดาษซึ่งบันทึกอายุขัยของมนุษย์
  7. โฮเต (Hotei, 布袋) – เทพเจ้าแห่งความสุขและความสนุกสนาน มักถูกวาดภาพเป็นชายอ้วนท้วมมีถุงใหญ่ และเชื่อว่าเป็นการจำลองมาจากพระพุทธเจ้าองค์หัวเราะ (Laughing Buddha) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความสุข

เทพเจ้าแห่งโชคลาภเจ็ดองค์นี้เป็นที่นิยมในการกราบไหว้ในช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่น โดยเชื่อว่าการขอพรจากเทพเจ้าเหล่านี้จะนำความโชคดี ความสุข และความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตในปีใหม่

น้ำเต้า

น้ำเต้า (瓢箪, Hyōtan หรือ Fukube ในภาษาญี่ปุ่น) เป็นผลไม้ที่มีลักษณะเฉพาะ มีรูปร่างโค้งเว้าและเปลือกแข็ง เมื่อแห้งแล้วมักถูกนำมาใช้ทำภาชนะหรือเครื่องประดับ ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น น้ำเต้ามีความหมายเชิงมงคลและสื่อถึง ความเจริญรุ่งเรือง ความโชคดี และการปกป้องคุ้มครอง

น้ำเต้ามักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในหลายบริบท เช่น:

  • สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ดูดโชคลาภ: รูปร่างของน้ำเต้าที่โค้งเว้าเปรียบเสมือนการเก็บรวบรวมโชคลาภและความมั่งคั่ง
  • สัญลักษณ์ของการปกป้อง: ในอดีต น้ำเต้ามักถูกใช้เป็นภาชนะบรรจุน้ำหรือของเหลวในการเดินทาง และยังเชื่อว่ามีน้ำเต้าติดตัวจะช่วยปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย
  • น้ำเต้าของเซียน: เซียนหลายองค์ในตำนานจีนและญี่ปุ่นมักจะถือหรือพกน้ำเต้า เช่น โทกังจิน (Tōkanshin) ที่มักจะพกน้ำเต้าเป็นสัญลักษณ์ของความรู้และพลังเหนือธรรมชาติ

นกฮูก (梟, Fukuro)

นกฮูก (梟, Fukuro) ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีความหมายเชิงบวกและถือเป็นสัญลักษณ์ของ ปัญญา ความโชคดี และการปกป้องคุ้มครอง และถือว่าเป็นราชาแห่งโชคลาภ คำว่า “นกฮูก” ในภาษาญี่ปุ่น (Fukuro) ยังพ้องเสียงกับคำว่า “ไม่ลำบาก” หรือ “ไม่ประสบกับความทุกข์ยาก” (不苦労) ทำให้เชื่อกันว่านกฮูกเป็นเครื่องรางนำโชคที่ช่วยปัดเป่าความทุกข์และสิ่งไม่ดีออกไป

นอกจากนี้ นกฮูกยังถูกมองว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดและรอบรู้ เนื่องจากมีความสามารถในการมองเห็นในความมืด จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของ ความรอบคอบ ปัญญา และการมองการณ์ไกล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนในญี่ปุ่นมักยกย่อง

เครื่องรางรูปนกฮูกหรือของตกแต่งในบ้านที่มีรูปร่างของนกฮูกจึงเป็นที่นิยม เนื่องจากเชื่อว่าจะนำพาความสงบสุข ปัญญา และป้องกันความลำบากและอุปสรรคต่าง ๆ

พัด

พัด (扇子, Sensu) ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับ โชคลาภ ความราบรื่น และความเจริญรุ่งเรือง พัดญี่ปุ่นถูกใช้ในหลายโอกาส ตั้งแต่การแสดงศิลปะ เช่น การร่ายรำ ไปจนถึงการเป็นของขวัญที่มีความหมายมงคล

ลักษณะเฉพาะของพัดที่สามารถกางออกและพับเก็บได้ ทำให้พัดสื่อถึง การขยายตัวของความโชคดี เปรียบได้กับชีวิตที่ขยายออกไปสู่ความสำเร็จและความรุ่งเรือง พัดยังถูกใช้เป็นเครื่องรางที่นำโชคดีและความสุขมาให้ผู้ครอบครอง

ในด้านศิลปะและพิธีกรรม พัดมักจะถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรำแบบดั้งเดิม (เช่น รำบงโอโดริ) และในการแสดงศิลปะการต่อสู้บางประเภท เช่น การแสดงโนและคาบูกิ

การมอบพัดเป็นของขวัญจึงถือว่าเป็นการส่งมอบความโชคดี และพัดยังใช้ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานเทศกาล หรือเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านเพื่อเสริมสร้างโชคลาภ

ซากุระ (桜, Sakura)

ซากุระ (桜, Sakura) หรือดอกเชอร์รี่ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซากุระเป็นสัญลักษณ์ของ ความสวยงามชั่วคราว การเปลี่ยนแปลง และการเริ่มต้นใหม่ ดอกซากุระจะบานในช่วงเวลาสั้น ๆ ในฤดูใบไม้ผลิ และร่วงโรยอย่างรวดเร็ว ซึ่งสื่อถึงความไม่ถาวรของชีวิตและความงามที่ชั่วคราว

ในเชิงวัฒนธรรม ซากุระมีความเกี่ยวข้องกับประเพณีฮานามิ (花見) หรือการชมดอกไม้ ซึ่งเป็นเทศกาลที่ชาวญี่ปุ่นมารวมตัวกันเพื่อชมความงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง และถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ เนื่องจากการบานของซากุระตรงกับช่วงเริ่มต้นปีการศึกษาและปีงบประมาณใหม่ในญี่ปุ่น

นอกจากนั้น ซากุระยังมีความหมายในเชิงปรัชญาว่า แม้ชีวิตจะสั้นและไม่ถาวร แต่ช่วงเวลาที่งดงามควรค่าแก่การยกย่องและจดจำ

ในด้านความเชื่อ ดอกซากุระมักถูกใช้เป็นเครื่องหมายของความเจริญรุ่งเรืองและโชคดี และเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตที่สวยงามและเต็มไปด้วยความสุข

เพิ่มเติม…

เทพจิ้งจอก

จิ้งจอก (狐, Kitsune) ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญและมีความหมายหลากหลาย โดยเฉพาะในศาสนาชินโต จิ้งจอกถือเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า อินาริ (Inari, 稲荷神) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเกษตร การค้า และความอุดมสมบูรณ์ จิ้งจอกจึงมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของ ความเจริญรุ่งเรืองและการปกป้องคุ้มครอง โดยเฉพาะในด้านการเกษตรและข้าว

ในเชิงตำนาน จิ้งจอกญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติ โดยเฉพาะ การแปลงร่าง จิ้งจอกสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์และใช้ความเฉลียวฉลาดในการหลอกลวงหรือปกป้องผู้คน บางครั้งจิ้งจอกอาจถูกมองว่าเป็นสิ่งลึกลับที่มีทั้งด้านบวกและลบ ขึ้นอยู่กับบริบท

คิทสึเนะ ยังมีบทบาทในตำนานหลายเรื่อง โดยเชื่อกันว่า เมื่ออายุยืน จิ้งจอกจะสามารถเติบโตหลายหางได้ (สูงสุดถึงเก้าหาง) ซึ่งยิ่งมีหางมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีพลังเวทมนตร์และความเฉลียวฉลาดมากขึ้น จิ้งจอกเก้าหางเป็นที่เคารพและเชื่อว่ามีพลังมหาศาล

จิ้งจอกจึงเป็นทั้งสัญลักษณ์ของ ความฉลาด มนต์เสน่ห์ และความลึกลับ ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังพบรูปปั้นจิ้งจอกในศาลเจ้าหลายแห่งที่บูชาเทพอินาริ เพื่อขอความคุ้มครองและความเจริญรุ่งเรือง

This entry was posted in ไม่มีหมวดหมู่. Bookmark the permalink.